คำพิพากษาสุดท้าย ไมเคิลแองเจโล และ ความลับแห่งโบสถ์ซิสทีน: กับประสบการณ์ชมละครเวที 270 องศา

โบสถ์ซีสทีนเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสต์ของโลกศิลปะ และแน่นอน นั่นหมายถึงภาพวาด คำพิพากษาสุดท้าย ด้วย การแสดงนี้ใช้ชื่อเดียวกันกับที่โบสถ์ และเป็นการผสมผสานของศิลปะหลายๆแขนงเข้าด้วยกัน

ละครเวทีเรื่องนี้จัดแสดงที่โรงละคร Concillazione ในกรุงโรม ซึ่งมี Artainment Worldwide Shows เป็นผู้จัดทำขึ้น โดยได้รับความร่วมมือในด้านคำแนะนำเรื่องข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์วาติกัน เพื่อทำให้ผู้ชมได้รับชมความมหัศจรรย์จากการผสมผสานกันระหว่างการแสดงสด ดนตรี และ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์จากการฉายภาพผ่านผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิค

ประสบการณ์ที่มิอาจลืมเลือน

ห้องใหม่ของโรงละคร Conciliazione ถูกสร้างขึ้นให้มีรูปทรงที่เหมาะสมต่อการฉายภาพลงบนผนังและเพดาน อีกทั้งติดตั้งโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิคจำนวน 30 เครื่องที่มีเทคโนโลยี Solid Shine laser ในการฉายภาพ เหตุที่เลือกใช้โปรเจคเตอร์พานาโซนิค เพราะว่าโปรเจคเตอร์พานาโซนิคให้ความสว่างที่สม่ำเสมอ แสงและสีที่สมจริง ประกอบกับภาพที่สมสัดส่วน คู่ควรกับผลงานศิลปะชิ้นเอกที่เป็นแรงบันดาลใจของโชว์ดังกล่าว

ผู้ชมจะได้สัมผัสกับการแสดงมีมุมมอง 270 องศา อีกทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดงานศิลปะที่ชื่อว่า คำพิพากษาสุดท้าย (ปีค.ศ.1535-1541) โดยไมเคิลแองเจโล

และไฮไลท์ของงานแสดงก็นี้คือการผสมผสานกันที่สมบูรณ์แบบระหว่างศิลปะกับเทคโนโลยี ซึ่งพานาโซนิคมีบทบาทสำคัญ

Marco Balich ผู้กำกับศิลป์ และ ผู้ออกแบบการแสดง กล่าวว่า "การแสดงชุดคำพิพากษาสุดท้ายของเรานี้ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องเกี่ยวกับ เพลง การเต้นรำ หรือ ภาพยนตร์ ไม่ใช่แม้กระทั่งเป็นเพียงการแสดงละครเวที แต่มันคือการแสดงที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงศิลปะที่เต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งดังเช่นที่ปรากฏในโบสถ์ซิสทีน และด้วยเหตุนี้เราจึงต้องการให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงภาพรวมของศิลปะชิ้นนี้ โดยสร้างแรงจูงในให้ผู้ชมทุกๆคนได้ดื่มด่ำกับรายละเอียดทั้งที่อยู่ด้านหน้า บนผนังและกำแพง

ความท้าทาย: ใช้โปรเจคเตอร์พานาโซนิคจำนวน 30 เครื่องเพื่อฉายภาพให้ครอบคลุมทั้ง 270 องศา

เลเซอร์โปรเจคเตอร์สำหรับฉายภาพแบบ Full HD จำนวน 30 เครื่องทำงานร่วมกันกับระบบทางเทคนิคของโรงละคร เพื่อพาผู้ชมทุกๆ คนในห้องไปดื่มด่ำกับศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งประวัติศาสตร์ที่จะไม่มีวันพบได้จากที่ไหนมาก่อน ณ ใจกลางของโบสถ์ซิสทีน โปรเจคเตอร์พานาโซนิคทั้ง 30 เครื่องที่ใช้เทคโนโลยีแบบ Solid Shine ถูกแบ่งให้ทำหน้าที่ในแต่ละส่วนดังนี้

โปรเจคเตอร์จำนวน 30 เครื่องที่นำมาปรับใช้งานร่วมกัน ประกอบด้วย โปรเจคเตอร์รุ่น PT-RZ31K ขนาด 31,000 lumen จำนวน 18 เครื่อง, โปรเจคเตอร์รุ่น PT-RZ21K ขนาด 20,000 lumen จำนวน 10 เครื่อง (ติดตั้งพร้อมเลนส์ขนาด ultra-short throw EL-D75LE95 จำนวน 4 เครื่อง) และ โปรเจคเตอร์รุ่น PT-RZ12K ขนาด 12,000 lumen จำนวน 2 เครื่อง การฉายภาพถูกแบ่งเป็นสามส่วน ด้านหน้าใช้โปรเจคเตอร์ PT-RZ31K ขนาด 31,000 lumen 8 เครื่อง ด้านข้างและด้านบนใช้ PT-RZ31K ขนาด 31,000 lumen 10 เครื่อง และ PT-RZ21K ขนาด 20,000 lumen 6 เครื่อง ติดตั้งร่วมกันบริเวณทางเดิน และส่วนสุดท้ายคือ PT-RZ21K ขนาด20,000 lumen จำนวน 4 เครื่อง และ PT-RZ12K ขนาด 12,000 lumen จำนวน 2 เครื่อง ถูกใช้ร่วมกันเพื่อสร้างฉากหลังเวทีที่สวยงามในแต่ละฉาก

Daniele Parazzoli CEO ผู้จัดการงานแสดง และผู้วางระบบที่รับผิดชอบในการออกแบบและติดตั้งระบบฉายภาพวิดีโอ กล่าวว่า "เหตุผลที่เราเลือกโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิค เนื่องจากเรามีความมั่นใจว่าเทคโนโลยีเลเซอร์โปรเจคเตอร์ของพานาโซนิคสามารถนำเสนอภาพชิ้นงานของศิลปะได้อย่างถูกต้องตามที่ผู้กำกับศิลป์ต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ"

"ในการที่จะให้ผู้ชมเข้าถึงแก่นแท้ของการแสดงนั้น เราจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในอารมณ์ร่วมของบรรดาผู้ชมให้ได้" Balich ยังกล่าวอีกว่า "พานาโซนิคเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าตัวแบรนด์มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ทางบริษัทเองก็ยังเข้าใจถึงจิตวิญญาณของโครงการที่เราต้องการนำเสนออีกด้วย"

"มันเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการถ่ายทอดภาพออกมาสำหรับงานนี้"

Michele Telaro, COO ของ Artainment Worldwide Shows กล่าวเพิ่มเติมว่า "โครงการนี้เป็นโครงการถาวร มีความโดดเด่นที่โปรเจกเตอร์ขนาด 20,000 และ 30,000 lumens รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถผลิตภาพที่คมชัด แสงสีสมจริง เหมาะมากสำหรับโครงการระยะยาวนี้"

เส้นทางการสร้างผลงานที่สามารถปลุกเร้าประสาทสัมผัสของผู้ชมในครั้งนี้ มีผู้ที่มีความสามารถจากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Sting, Pierfrancesco Favino, Lulu Helbek และ Luke Halls ร่วมกันสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้แก่ผู้ชม ด้วยเครื่องโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิคที่มีศักยภาพในการนำเสนองานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ผ่านการแสดงสดในเรื่อง "คำพิพากษาสุดท้าย" ไมเคิลแองเจโล และ ความลับแห่งโบสถ์ซิสทีน

Parazzoli ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "เราพบแล้วว่า เทคโนโลยี Solid Shine ของพานาโซนิคนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดละครเวที ซึ่งจำเป็นต้องใช้โปรเจคเตอร์ที่สามารถฉายภาพที่คมชัด แสงสีที่ชัดเจน พร้อมกับขนาดที่กะทัดรัด สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม

การแสดงใช้ทั้งภาษาอิตาลี และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูประวัติศาสตร์อันงดงามของโบสถ์ซีสทีน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของโปรเจคเตอร์พานาโซนิค

Parazzoli ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "เราพบแล้วว่า เทคโนโลยี Solid Shine ของพานานโซนิคนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดละครเวที ซึ่งจำเป็นต้องใช้โปรเจคเตอร์ที่สามารถฉายภาพที่คมชัด แสงสีที่ชัดเจน พร้อมกับขนาดที่กระทัดรัด ที่สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม"

การแสดงใช้ทั้งภาษาอิตาลี และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูประวัติศาสตร์ที่งดงามของโบสถ์ซีสทีน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของพานาโซนิคโปรเจคเตอร์