พานาโซนิค กรีนอิมแพ็ค

พานาโซนิคก่อตั้งขึ้นมากว่าทศวรรษที่ผ่านมา และในวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการตอบรับจากลูกค้ากว่า 1 พันล้านราย ในขณะที่เราภาคภูมิใจกับผลงานและสังคมที่ได้รับการพัฒนาจากผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเราก็ตระหนักดีว่ามันถูกแลกมาด้วยพลังงานมากมายที่เราต้องใช้จากโลกใบนี้ รวมถึงก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากขั้นตอนการผลิตด้วย และมันก็เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องพยายามเต็มที่ในการลดมลพิษเหล่านั้น และทำทุกอย่างเท่าที่เราจะสามารถทำได้เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก

นั่นคือเหตุผลในการสร้าง พานาโซนิค กรีนอิมแพ็ค โครงการระยะยาวเพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับเครือพานาโซนิคกรุ๊ป มีวัตถุประสงค์เพื่อการลดก๊าซคาร์บอนในฐานะผู้ผลิตเอง และในฐานะคนในชุมชน ด้วยความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงจากนวัตกรรมต่างๆเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของเรา

Scroll down

Awareness / การตื่นตัว

โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิบนพื้นโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปจนถึงจุดอันตราย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของสภาพอากาศ และก่อให้เกิดสภาพอากาศที่เลวร้ายมากขึ้น บรรดาภัยพิบัติต่างๆ เช่น คลื่นความร้อน ไฟป่า น้ำท่วม กำลังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ และส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ

ในศตวรรษที่ 19 อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นโลกสูงขึ้น 1 องศา และหากเรายังคงใช้ชีวิตอย่างปัจจุบัน อุณหภูมิจะสูงขึ้นถึง 1.5 องศา ภายในปี ค.ศ.2030 ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูไม่เลวร้าย แต่นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนไว้ว่าสิ่งนี้จะสามารถสร้างความหายนะต่อธรรมชาติได้ ถึงแม้ตอนนี้อาจจะสายไปแล้วที่จะหยุดภาวะโลกร้อน แต่เราสามารถช่วยกันชะลอระยะเวลาของมัน และเปลี่ยนแปลงมันได้ในที่สุด

เราต้องลงมือทำทันที

ภาวะโลกร้อนเกิดจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวกันความร้อนที่จะระบายไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก จึงทำให้ความร้อนนั้นสะท้อนกล้บลงมายังพื้นโลก กว่า 70-80% ของก๊าซเรือนกระจกนี้คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง, การผลิตปูนซีเมนต์, และ การเผาทำลายป่า ดังนั้น หนึ่งในวิธีจัดการกับภาวะโลกร้อนคือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงที่ใช้ในปัจจุบัน และ จัดการกับอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากนั้น

นี่คือเหตุผลที่พานาโซนิคพยายามอย่างเต็มความสามารถในการลดอัตราการใช้พลังงานในขั้นตอนการผลิต และ ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างพลังงานสะอาด การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ การกักเก็บพลังงาน

Impact / ผลกระทบ

ปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์ หรือ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ในธุรกิจนั้น แบ่งเป็น 3 ขอบเขต นั่นคือ ขอบเขตที่ 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ขอบเขตที่ 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขตที่ 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากต้นทางและปลายทาง ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้ทั้ง 3 ขอบเขตที่เกิดขึ้นจากการผลิตของพานาโซนิคมีประมาณ 110 ล้านตัน ต่อปี

เรามีโรงงานทั้งหมด 250 แห่งทั่วโลกซึ่งใช้ไฟฟ้าประมาณ 5 พันล้านกิโลวัตต์ต่อปี (จากข้อมูลปีงบประมาณ ค.ศ.2020) ซึ่งคำนวณเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี

ดังนั้น การจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงงานผลิตของเราจึงเป็นความรับผิดชอบลำดับแรกที่เราต้องจัดการ

โดยประมาณ 98% ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของเรานั้นมาจากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขอบเขตที่ 3 (การปล๊อยก๊าซเรือนกระจกจากต้นทางและปลายทาง) เนื่องจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ของเรา มาจากการใช้พลังงานผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเราใช้พลังงานประมาณ 1% ของไฟฟ้าทั้งโลก นั่นเป็นเพราะคาร์บอนฟุตพริ้นท์กว่า 80% จะเกิดขึ้นทันทีหลังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออกไป

ที่พานาโซนิค เรามุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรง ที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจของเรา ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคงพัฒนาและสร้างนวัตกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในทุกๆส่วนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร ชุมชน และ แม้กระทั่งในซัพพลายเชน

Ambition / ความท้าทาย

ในปี ค.ศ. 2021 พานาโซนิคประกาศเจตนารมณ์ว่าเราจะทำให้ทุกบริษัทในเครือทั้งหมดของเรา เป็นบริษัทที่ปราศจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้ได้ภายในปี ค.ศ.2031 โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับก๊าซเรือนกระจก ในขอบเขตที่ 1 (การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงจากกิจกรรมทางธุรกิจ) และ ขอบเขตที่ 2 (การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยอ้อม เช่น จากการใช้สาธารณูปโภคต่าง) และเราตั้งเป้าว่าภายในปี ค.ศ. 2050 เราจะไม่ปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ในขอบเขตใดๆ อีกเลย

 

เราแบ่งเป้าหมายของเราเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการลดการปล่อยก๊าซโดยตรง และ ส่วนที่สองคือการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นทั่วโลกในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนี้

  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในธุรกิจของเราเอง (ขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2) ให้เป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2031
  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากสินค้าทุกชนิดของเรา (ขอบเขตที่ 3) ให้เป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2050 โดยพัฒนาสินค้าที่ผลิตให้ลดปริมาณการใช้พลังงานลง
  • เราจะมีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคตเพื่อช่วยสนับสนุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก โดยใช้เทคโนโลยีปัจจุบันของเรา เช่น heatpumps และ แบตเตอรี่ไฟฟ้า)
  • อีกทั้งเรายังจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆต่อไปเพื่อช่วยสนับสนุนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกจนเท่ากับศูนย์ให้ได้

Action / การลงมือทำ

เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงความยั่งยืน ก็มักจะมีสิ่งที่ต้องพูดกันมากมาย แต่สุดท้ายจะจบลงที่ไม่เคยมีการกระทำที่เพียงพอเลย

ที่พานาโซนิค เราเป็นทั้งผู้บุกเบิกและผู้สรรค์สร้างนวัตกรรม และเราต้องการให้สิ่งต่างๆที่เราตั้งใจนั้นมันส่งผลต่อสภาวะภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ พานาโซนิค กรีนอิมแพ็ค จะเป็นหัวใจและศูนย์กลางของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา นั่นหมายความว่าเราไม่เพียงแต่มุ่งมั่นในการทำให้มูลค่าของเรามีความยั่งยืนเท่านั้น แต่เราจะยังคงมีส่วนร่วมต่อไปเรื่อยๆในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ

Net zero CO2 factories / โรงงานปราศจากก๊าซคาบอนไดออกไซด์

ในปี 2018 เราได้ก่อตั้งโรงงานปราศจากก๊าซคาบอนไดออกไซด์แห่งแรกของเรา โดยสร้างแหล่งพลังงานหมุนเวียนของเราเอง และจัดหาไฟฟ้าเพิ่มเติมจากแหล่งพลังงานสะอาด เพื่อทดแทนก๊าซเรือนกระจกที่จะถูกผลิตออกมา ณ ปัจจุบันนี้ เรามีโรงงานปราศจากก๊าซคาบอนไดออกไซด์ แล้ว 9 แห่ง และจะยังคงเดินหน้าต่อไปสำหรับโรงงานทั้งหมดที่เหลือทั่วโลก (ประมาณ 250 แห่ง)

Smart factory solutions / โรงงานอัจฉริยะ

ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าของเรา เรายังคงพัฒนาสิ่งใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อการสร้างอุตสาหกรรมปราศจากก๊าซคาบอนไดออกไซด์ให้ได้ - โดยเราจะเริ่มไปทีละโรงงาน

การสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพสูงสุดนั้นคือแรงผลักดันของเรา โรงงานอัจฉริยะของเราจะสร้างอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำให้แก่ท้องตลาด และด้วยการผสานกันระหว่างการพัฒนาซอฟแวร์ การดูแลรักษาและคำปรึกษาที่ดี รวมถึงระบบการทำงานอัตโนมัตินั้น เราได้ช่วยลดทอนระยะเวลาการทำงาน ความผิดพลาด และ ของเสียที่เกิดจากสายพานการผลิต

การสร้างอุปกรณ์ให้มีความอัจฉริยะมากขึ้น เชื่อมต่อกับสิ่งต่างๆให้ได้มากขึ้น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นนั้น ทำให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความชัดเจนของการทำงานได้สูงสุด

วิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน

เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เราเป็นหนึ่งในบริษัทอันดับต้นๆของโลกที่ได้เปลี่ยนจากการใช้หลอดไฟธรรมดาในเครื่องโปรเจคเตอร์เป็นการใช้เลเซอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ลดปริมาณการใช้เหล็กที่ก่อให้เกิดสารพิษ อีกทั้งยังช่วยให้อุปกรณ์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขั้นตอนการผลิตโปรเจคเตอร์ของเรายังสามารถลดการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิตได้ถึง 40% อีกด้วย - ช่วยให้เราลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะจากการผลิต

เรายังได้ผลิตแผ่นกรองที่สามารถล้างได้ ซึ่งเมื่อรวมกับการรับประกันการใช้งานนานถึง 20,000 ชั่วโมง ทำให้โปรเจคเตอร์ของเรามีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง

ใช้ซอฟแวร์ลดปริมาณขยะ

ธุรกิจการแพร่ภาพออกอากาศและการสื่อสารทางภาพและเสียง(ProAV)ของเรา เป็นผู้นำในการใช้ซอฟแวร์มาทดแทนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เพื่อให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดปริมาณขยะที่เกิดจากการผลิต เรายังเคยเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆที่ใช้เมมโมรี่การ์ดมาทดแทนม้วนเทปและแผ่นดิสก์ในการบันทึกภาพ

KAIROS ซึ่งเป็นเพลตฟอร์มของพานาโซนิคในการผลิตการแสดงสดยุคใหม่ (live production) ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมนี้ไปสู่การประมวลผลวีดีโอแบบ IT/IP ด้วยการพัฒนาทางซอฟแวร์และการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ส่งผลให้การอัพเกรดระบบเป็นไปได้อย่างง่ายดาย - ด้วยการเข้ามาทดแทนอุปกรณ์ควบคุม (สวิตเชอร์) แบบเดิมๆ

พานาโซนิคได้มีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เช่น การปรับปรุงโมเดล และโปรแกรมรับรองอายุการใช้งานของกล้อง PTZ เพื่อยืดอายุการใช้งานของกล้องให้ยาวนานขึ้น ทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตจะลดน้อยลงและพลังงานจะถูกใช้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นจากการลงทุนระยะยาวเพื่อลดขนาดของกล้องลง พร้อมๆกับการพัฒนาประสิทธิภาพของกล้อง

ยืดอายุการใช้งาน

การเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ทำให้เราได้เห็นแล้วว่า ธุรกิจต่างๆจำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของตนอยู่เสมอเพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ นั่นหมายถึงว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกทิ้งไปภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี

เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดขยะจากขั้นตอนการผลิต Panasonic Mobile Solutions Business ได้พัฒนา TOUGHBOOK โน้ตบุ๊ก และแทปเล็ด ที่สมบุกสมบันมีความทนทานสูงและสามารถใช้งานได้หลากหลายตลอดอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ความยืดหยุ่นในการทำงานและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงาน ทำให้ TOUGHBOOK เป็นอุปกรณ์ all-in-one เหมาะสำหรับการทำงานภาคสนาม อีกทั้งยังประกอบไปด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น การอ่านลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่สำรองที่ผู้ใช้สามารถถอดและใส่ได้อย่างงายดายด้วยตัวเอง

การพัฒนาของเทคโนโลยีขั้นสูงนี้จะเข้ามามีส่วนช่วยให้บรรดาธุรกิจต่างๆ สามารถปรับใช้กลยุทธให้มีความยั่งยืนได้มากขึ้น อีกทั้งเพิ่มศักยภาพด้านเศรษฐกิจ และเป็นประโยชน์กับทุกส่วนของทั้งองค์กร

Supply chain transparency / จัดการ Supply Chain อย่างโปรงใส

นอกจากเราจะดูแลเรื่องการผลิต และ Supply Chain ของเราเองให้มีความยั่งยืนมากขึ้นแล้ว พานาโซนิค คอนเนค ยังทำงานร่วมกับบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของพานาโซนิค คือบริษัท บลู ยอนเดอร์ (Blue Yonder) และ บริษัท Zetes เพื่อช่วยเหลือด้าน Supply Chain ให้แก่ลูกค้าของเรา ในส่วนของการผลิต การขนส่ง และการค้าปลีกให้แก่ผู้ค้ารายย่อยอีกด้วย

บริษัท บลู ยอนเดอร์ทำหน้าที่ช่วยให้การบริหารจัดการคลังสินค้าและคำสั่งซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังส่งเสริมให้สามารถใช้ข้อมูลของธุรกิจทั้ง Supply Chain ของตนเองได้อย่างทั่วถึง ด้วยแนวคิดอันชาญฉลาดนี้ทำให้ธุรกิจปรับตัวเข้ากับวงจรเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันได้อย่างราบรื่น รวมถึงสามารถช่วยลดปริมาณขยะและทำให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น

บริษัท Zetes พัฒนาเรื่องความสามารถในการตรวจสอบและการมองเห็นทั่วทั้ง Supply Chain รวมถึงช่วยพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการขนส่งและการขายปลีกแก่ผู้ค้ารายย่อย ความโปร่งใสและตรวจสอบได้นี้เอง ที่จะช่วยให้เห็นภาพสิ่งต่างๆที่ยังจำเป็นต้องปรับปรุงได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และ ในแง่ของจริยธรรมของผู้ประกอบการใน Supply Chain

ด้วยการผสมผสานส่วนประกอบต่างๆเข้าด้วยกันอย่าชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นส่วนของฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ร่วมกับประสบการณ์ในอุตสาหกรรมของเราที่มีมาอย่างยาวนาน เรากำลังนำเสนอการจัดการ Supply Chain แบบครบวงจรสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน

Mission / พันธกิจของเรา

พานาโซนิค กรีนอิมแพ็คไม่ได้เป็นเพียงโครงการที่มุ่งเน้นการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่เพื่อส่งเสริมให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปเป็นสังคมไร้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ กลุ่มบริษัทในเครือพานาโซนิควางแผนจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของเราเองและให้การสนับสนุนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อที่จะลดและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการ ให้ได้มากกว่า 300 ล้านตัน หรือคำนวณเป็น 1% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยเราได้แบ่งประเภทการลดจำนวนการปล่อยก๊าซทั้ง 300 ล้านตันดังกล่าวเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

 

1. OWN IMPACT / ผลกระทบโดยตรงจากเรา

เราจะลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากกลุ่มบริษัทในเครืองพานาโซนิคให้ได้ถึง 110 ล้านตัน ซึ่งเราคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายในการหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ภายในปี ค.ศ.2050 และเรากำลังพยายามจะเร่งให้บรรลุเป้าหมายในการหยุดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในภาคส่วนการดำเนินธุรกิจของเราเอง (สโคป 1และ2) โดยการลดการปล่อยก๊าซให้ได้ถึง 2.2 ล้านตันภายในปี ค.ศ.2031

 

2. CONTRIBUTION IMPACT / สังคมไร้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เราจะสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสังคมไร้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยผลิตอุปกรณ์การจัดการ และ เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเราตั้งเป้าว่าสิ่งนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 100 ล้านตันต่อปี (ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี heatpump, ซอฟแวร์ Supply Chain อัจฉริยะ, แบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า, เครื่องกรองอากาศ และ เครื่องปรับอากาศคาร์บอนต่ำ)

 

3. FUTURE IMPACT / ผลกระทบต่ออนาคต

ในส่วนที่อยู่นอกเหนือจากวงจรธุรกิจของเรานั้น เราก็ยังตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้ได้มากกว่า 100 ล้านตันต่อปีโดยการจะยังคงนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงระบบการจัดการธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆสู่ท้องตลาดอยู่ตลอดเวลา

 

นอกเหนือจากผลกระทบทั้งสามประเภทนี้ โครงการของกลุ่มบริษัทในเครือพานาโซนิคจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงยั่งยืนทั่วมุมโลก แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะยังไม่ใช่บทสรุปของการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของเราอย่างแน่นอน

 

*1 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณ 33.6 พันล้านตันในปี ค.ศ.2019 (ที่มา: IEA)

*2 คำนวณประมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากข้อมูลในปีค.ศ.2021