การอัปเกรดศูนย์การประชุมแห่งชาติ MiCo ด้วยเครื่องฉายวิดีโอโปรเจคเตอร์พานาโซนิค

ศูนย์การประชุม MiCo ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Mario Bellini และถือกรรมสิทธิ์โดยบริษัท Fiera Milano Group บริษัทชั้นนำของโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 ศูนย์การประชุมแห่งนี้รองรับการจัดงานมากกว่า 500 งานต่อปี ทั้งการประชุม นิทรรศการ งานกาลาดินเนอร์ และการเปิดตัวสินค้า

Mico ได้รับการปรับปรุงสถานที่ครั้งใหญ่เมื่อปีค.ศ.2015 และกลายมาเป็นศูนย์การประชุมที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และเป็นสถานที่จัดงานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาคารแห่งนี้รองรับได้มากถึง 18,000 คน ประกอบไปด้วยห้องประชุมประมาณ 70 ห้อง ติดตั้งอุปกรณ์ฉายวิดีโอ แสงและเสียง พร้อมห้องสำหรับล่ามแปลภาษา กล้องบันทึกภาพ กล้องCCTV สัญญาณWifi และ ห้องควบคุม

โครงการปรับปรุงอาคารนี้มุ่งเน้นไปยังการติดตั้งเทคโนโลยีการแสดงภาพและเสียงเพื่อรองรับการบริการต่างๆของศูนย์ประชุมให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

เครื่องโปรเจคเตอร์ทั้งหมดที่เราเลือกเป็นโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิคที่มีเทคโนโลยี DLP™ ประกอบไปด้วยรุ่น PT-RZ770 (เลเซอร์โปรเจคเตอร์ขนาด 7,200 ลูเมน) และ รุ่น PT-DZ21K2 (โปรเจคเตอร์ไฟธรรมดาขนาด 20,000 ลูเมน)

การบริหารจัดการระบบ AV services

Francesco Conti, CEO ของ Fiera Milano Congressi กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องมีทีมงานดูแลระบบของเราเองเพื่อการบริหารจัดการภายในอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเราต้องจัดงานหลายร้อยงานในแต่ละปี และในแต่ละงานเองก็มีการเปลี่ยนแปลงตารางการทำงานตลอดเวลา" "ทีมงานจะต้องคอยจับตาดูสถานะของอุปกรณ์ตลอดเวลา และต้องตอบสนองได้ทันทีหากมีความจำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าของเราทุกคนจะได้รับการบริการในระดับสูงสุด"

ที่ศูนย์การประชุม Mico จะแยกห้องเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ห้องประชุมใหญ่ Plenary Hall สามห้อง สามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 4,000 ที่นั่ง สองห้อง และอีกหนึ่งหอประชุมที่รองรับได้ 1,800 ที่นั่ง ซึ่งห้องจะถูกเปลี่ยนรูปแบบตามการใช้งานในแต่ละงาน ห้องอีกประเภทคือห้องประชุมจำนวน 28 ห้อง โดยทั้งหมดนั้นติดตั้งเครื่องวิดีโอโปรเจคเตอร์พานาโซนิค พร้อมกับการบริการต่างๆสำหรับการจัดงาน

การเลือกเครื่องโปรเจคเตอร์

เครื่องโปรเจคเตอร์จะถูกเลือกจากคุณสมบัติพื้นฐานเช่น การแสดงสี และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สามารถปรับแต่งค่าได้อย่างแม่นยำ โดยที่ TCO (Total Cost of Ownership - ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดอายุการใช้งาน) ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการในการเลือกเทคโนโลยี Laser Shine ของพานาโซนิค

Fabio Martucci, หัวหน้าแผนก AV division ของ Fiera Milano Congressi กล่าวว่า "ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกเครื่องโปรเจคเตอร์ ในขั้นตอนสุดท้ายเราทำการเปรียบเทียบเครื่องจาก 2 แบรนด์ "เนื่องจากลูกค้าของเราจำนวนมากอยู่ในวงการแพทย์และเภสัชกรรม ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีเครื่องที่แสดงความแม่นยำของสี ภาพที่มีความคมชัด และ อัตราส่วนความแตกต่างของสี ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของลูกค้าเหล่านั้น" "MiCo ใช้ผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิคมานานหลายปี และไม่เคยพบกับปัญหาใดๆเลย ฝ่ายเทคนิคและฝ่ายบริการก็ทำงานด้วยคุณภาพสูง นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิค ซึ่งเป็นแบรนด์คุณภาพสูงในตลาด

"วิดีโอโปรเจคเตอร์ของพานาโซนิคมีเสียงเงียบมากขณะเครื่องทำงาน ประกอบกับรูปทรงกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ทำให้การติดตั้งเป็นเรื่องง่าย อีกทั้งการที่เราเลือกใช้เพียงสองรุ่นในแบรนด์เดียวกัน ทำให้สะดวกในการติดต่อขอความช่วยเหลือหลังการขาย"

เครื่องรุ่น PT-RZ770 จำนวน 30 เครื่อง ติดตั้งในห้องประชุม conference room ส่วนใน plenary hall จะติดตั้งเครื่องรุ่น PT-DZ21K2 จำนวน 6 เครื่อง และทุกครั้งจะมีเทคโนโลยี DLP™ - ชิพเดี่ยวสำหรับเครื่อง PT-RZ770 ขนาด 7,000 ลูเมน และ 3ชิพ สำหรับเครื่อง PT-DZ21K2 ขนาด 20,000 ลูเมน เครื่อง PT-RZ770 ใช้ตัวกำเนิดเลเซอร์สองตัวในการส่องสว่าง โดยมาพร้อมการรับประกันตัวกรองอากาศ ออพติคมอเตอร์กันฝุ่น สวิตช์เปิดปิดการทำงาน นานถึง 20,000 ชั่วโมง อีกทั้งยังประหยัดพลังงานมาก

เลนส์แบบ wide screen สามารถเลือกได้ตั้งแต่ขนาด 3-5 เมตร ตามขนาดของห้อง

• สำหรับรุ่น PT-RZ770 ใช้เลนส์ ET-DLE250 ปรับโฟกัส 33.9 ÷ 53.2 และ ปรับขนาดรับแสง 1.8 ÷ 2.4 และสำหรับเลนส์ ET-DLE350 ปรับโฟกัส 35.0 ÷ 50.9 และปรับขนาดรับแสง 2.5
• สำหรับรุ่น PT-DZ21K2, ใช้เลนส์ ET-D75LK20 ปรับโฟกัสและปรับรูรับแสงคล้ายกันกับ ET-DLE350

สายเคเบิ้ลไฟเบอร์ออพติค

ห้องควบคุมทั้งสองห้องอยู่ทางทิศเหนือ และ ทิศใต้ติดตั้งด้วยสายเคเบิ้ลไฟเบอร์ออพติคเนื่องจากการส่งสัญญาณระยะไกลและเพื่อความเสถียรของคุณภาพของภาพและเสียง

Fabio Martucci กล่าวว่า "เราใช้สายไฟเบอร์แบบ monomode และ กล่อง optical cassettes แบบ 12 คู่ รวมถึงตัวเชื่อมสัญญาณ SC/LC" "เราปรับตั้งค่าอุปกรณ์เพื่อให้สามารถควบคุมผ่านห้อง control room ได้ ซึ่งสามารถทำให้เราขยายสัญญาณภาพและเสียงของระบบวิดีโอไปยังห้องต่างๆได้ตามการใช้งาน ซึ่งทำให้ห้องแต่ละห้องสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกันและกันได้"

ห้องควบคุม Control Room ก็ใช้สายเคเบิ้ลไฟเบอร์ออพติคสำหรับการเชื่อมต่อกับเครื่องโปรเจคเตอร์เช่นกัน ทั้งนี้เพื่อความเสถียรของสัญญาณในระยะยาว ส่วนในการควบคุมเครื่องโปรเจคเตอร์และอุปกรณ์ AV นั้น ได้ทำการเชื่อมต่อกับเครื่อข่ายเน็ตเวิร์กเพื่อที่จะได้ควบคุมด้วยรีโมทได้จากระยะไกล

และประการสุดท้าย เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์มีความยืดหยุ่นมากพอในการรองรับการทำงานที่หลากหลายในอนาคต แผงควบคุมจะติดตั้งช่องเสียบสัญญาณเพิ่มเติม สำหรับกรณีการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ